
วัคซีนป้องกันโรควัณโรค (BCG)
BCG วัคซีนป้องกันวัณโรค
วัณโรคเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่รู้จักกันในนามของ “เชื้อทีบี” เมื่อร่างกายได้รับเชื้อวัณโรคเข้าสู่ร่างกาย เชื้อส่วนใหญ่จะถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีเพียงส่วนน้อยที่จะหลบซ่อนอยู่ตามอวัยวะต่างๆ และอยู่ในภาวะสงบโดยไม่ก่อให้เกิดโรค หากแต่เมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอลง เชื้อที่ซ่อนตัวอยู่จะทำให้เกิดโรค ซึ่งวัคซีนป้องกันวัณโรค BCG vaccine หรือ Bacillus Calmette Guerin vaccine เป็นวัคซีนป้องกันวัณโรค ที่เป็นการทำให้เชื้อโรคอ่อนแรงลง กลไกการทำงานของวัคซีนคือเชื้อที่ฤทธิ์อ่อนลงจะเข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถรับมือกับเชื้อวัณโรคได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้วัคซีน BCG เป็นวัคซีนพื้นฐานที่เด็กไทยทุกคนต้องได้รับตั้งแต่แรกเกิด
ใครบ้างต้องฉีดวัคซีนป้องกัน “วัณโรค”
BCG จัดเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดให้เด็กแรกเกิดทุกคน เมื่อฉีดแล้วภูมิคุ้มกันจะเกิดหลังจากฉีดไป ภายในสัปดาห์ที่ 2 หลังฉีดจะมีตุ่มนูนเกิดขึ้นและแตกออกเป็นแผลเล็กๆ อยู่ประมาณ 6 สัปดาห์ ก็จะหายไปเหลือแต่รอยแผลเป็นขนาดเล็ก ซึ่งวัคซีนชนิดนี้สามารถป้องกันวัณโรคได้ประมาณ 80% และยังช่วยลดความเสี่ยงโรควัณโรคที่เยื่อหุ้มสมองในเด็กได้ด้วย
วัคซีน BCG ฉีดอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ววิธีการฉีดวัคซีน BCG ทำได้โดยฉีดเข้าผิวหนัง บริเวณต้นแขน ไหล่ด้านซ้าย ด้านขวา หรือที่สะโพก แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละโรงพยาบาล แต่ไม่ควรฉีดบริเวณต้นขาของทารกเพราะบริเวณดังกล่าวมีโอกาสเกิดการเสียดสีจากผ้าอ้อมหรือขาเสียดสีกัน จะทำให้การดูแลรักษาแผลหลังฉีดวัคซีนทำได้ยาก
รูปอ้างอิงจาก : http://www.mamaexpert.com/posts/content-3570
การดูแลลูกน้อยหลังได้รับวัคซีนป้องกัน โรควัณโรค (BCG)
**หากเกิดต่อมน้ำเหลือง บริเวณใกล้เคียงมีขนาดโตมาก หรือผลข้างเคียงอื่นๆควรพบแพทย์ทันที**
ทีมพยาบาลห้องเด็กแรกเกิด โรงพยาบาเปาโล